[รีวิว] fear street พากย์ไทย ถนนอาถรรพ์ ไตรภาค – โหดใช้ได้..ไหว้ครูพอประมาณ

fear street พากย์ไทย เรียกได้ว่าประเทศไทยในเดือนกรกฎาคมปีนี้นับเป็นการเปิดศึกแย่งชิงคนดูจากสตรีมมิงชั้นนำถึง 2 ค่ายโดยเฉพาะเจ้าใหม่ขายคอนเทนต์มหาชนอย่างดิสนีย์พลัสฮอตสตาร์ (Disney+Hotstar)ท่ี่เอาซีรีส์ฮีโรมาร์เวลและบรรดาแอนิเมชันดิสนีย์มาเสิร์ฟเอาใจแฟน ๆ ที่รอมานาน กระนั้นก็ใช่่ว่าเจ้าตลาดเดิมอย่างเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) จะไม่ทำอะไรเลย

เพราะยังมีคอนเทนต์เด็ดฟอร์มยักษ์อย่างการส่งหนังออริจินัลไตรภาคที่ฉายแบบวีคชนวีคอย่าง ‘Fear Street’ ที่ดัดแปลงจากนิยายของ อาร์ แอล สไตน์ (R.L. Stine) เจ้าของผลงานฮิตอย่าง ‘Goosebump’ มาให้ชมกันโดยได้ ลีห์ ยาเนียค (Liegh Janiak) ผู้กำกับสาวขาโหดจากซีรีส์ ‘Scream’ มากุมบังเหียนเล่าเรื่องสยองผ่านหนัง 3 ภาคได้แก่ 1994, 1978 และ 1666 เพื่อบอกเล่าเรื่องสยองจากอาถรรพ์แม่มดซาราห์ เฟียร์ที่เกี่ยวพันกับเหตุฆาตกรรมในเมืองเชดีไซด์ (Shadyside)มาร่วม 300 ปี

Fear Street Part 1 : 1994 fear street พากย์ไทย

fear street พากย์ไทย สำหรับ ‘Fear Street’ ในภาคแรกจะบอกเล่าเรื่องราวในปี 1994 โดยมีฉากหลังเป็นเมืองเชดี้ ไซด์ที่เพิ่งเกิดเหตุฆาตกรรมสยองและมันยังลามไปสู่ความขัดแย้งของนักเรียนมัธยม 2 กลุ่มคือไชดี้ ไซด์ย่านเสื่อมโทรมกับซันนี่เวล (Sunnyvale) ย่านคนรวย ซึ่งตัวหนังมีศูนย์กลางอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง ดีนา (เคียนา มาเดียรา – Kiana Madiera) สาวจากย่านเสื่อมโทรมที่ต้องมาช่วย แซม (โอลิเวีย สก็อตต์ เวลช์ – Olivia Scott Welch) แฟนสาวของเธอที่ถูกฆาตกรจากคำสาปของซาราห์ เฟียร์ตามล่า

สำหรับภาพรวมของหนังภาคแรกต้องบอกว่าลีห์ ยาเนียคได้แรงบันดาลใจจากหนังไล่เชือดยุค 90s หลายเรื่องทั้ง ‘Scream’ ที่เธอได้ทำฉบับซีรีส์ หรือกระทั่ง ‘I know what you did last summer’ หนังไล่เชือดเรื่องดังของยุคสมัยซึ่งสำหรับฉากสยองขวัญต่าง ๆ ต้องบอกว่าหนังทำออกมาได้โหดสะใจคอหนังสยองขวัญมาก ๆ ทั้งเลือดทั้งชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์จัดเต็มไม่ยั้ง

แต่กระนั้นสำหรับพัฒนาการตัวละครแล้วก็ต้องบอกว่าตัวหนังไม่ค่อยจะให้ตัวละครได้มีพัฒนาการเท่าที่ควร และยังไม่ค่อยมีมิติมากนักทั้งที่บทหนังเอื้อให้เล่าเรื่องความต่างทางชนชั้นและการบริหารงานราชการที่ไม่เป็นธรรม แต่มันก็เลือกที่จะเดินหน้ากับเกมไล่ฆ่าไล่เชือดมากกว่าซึ่งหนังก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งมีความน่าตื่นเต้นปน ๆ กับสาปส่งในความโง่ของตัวละครเป็นพัก ๆ

ส่วนนักแสดงในเรื่องสำหรับเคียนา มาเดียรากับโอลิเวีย สก็อตต์ เวลช์มีเสน่ห์อันโดดเด่นไม่น้อยฝ่ายแรกได้ความเป็นสาวแอฟริกัน อเมริกันส่วนฝ่ายหลังมาในลุคสาวผมแดงผิวขาวแต่โชคร้ายว่าบทหนังไม่ได้ให้ด้านลึกของตัวละครเท่าที่ควรและการแสดงของทั้งคู่ก็ยังไม่ได้น่าประทับใจนัก ผิดกับ จูเลีย เรห์วาล์ด (Julia Rehwald) ที่ทำให้คนดูถอนสายตาจากตัวละครเคตของเธอไม่ขึ้นและยังเป็นสีสันของเรื่องราวได้มากกว่า

Fear Street Part 2 : 1978

สำหรับตัวหนังภาคที่ 2 จะเป็นการเล่าเรื่องราวฆาตกรรมในแคมป์ไนต์วิง (Night Wing) เมื่อซิกกี (เซดี ซิงค์-Sadie Sink) สาวแสบแห่งเชดีไซด์ต้องจำยอมร่วมค่ายกับเหล่าอภิสิทธิ์ชนแห่งซันนีเวลเพราะ ซินดี (เอมิลี รัดด์ – Emily Rudd) พี่สาวของเธอทำงานที่นี่เพื่อหาเงินไปเรียนมหาวิทยาลัย แต่หลังจากเพื่อน ๆ ของซินดีเผลอไปปลุกคำสาปของซาราห์ เฟียร์เข้าค่ายฤดูร้อนก็แปรเปลี่ยนเป็นค่ายนรกนองเลือดทันที

สำหรับ ‘Fear Street’ ภาคนี้สิ่งที่สังเกตได้เลยคือบรรยากาศของค่ายสยองที่เชื่อว่าผู้กำกับอย่างยาเนียคน่าจะตั้งใจบูชาครูหนังเชือดอย่าง ‘Friday the13th’ ทั้งเรื่องราวบรรยากาศของค่ายที่ดูแทบไม่ต่างจากคริสตัลเลค (Crystal Lake)ที่เจสัน วอฮีอยู่เลย ไปจนถึงมุมกล้องแทนสายตาที่แทบจะยกมาจากฉากแทนสายตาของไมเคิล ไมเยอร์สจาก ‘Halloween’ รวมถึงการอ้างอิงถึงหนังสยองขวัญในตำนานอย่าง ‘Carrie’ เพื่อให้เข้ากับชะตากรรมของซิกกีที่ถูกพวกเด็กรวย ๆ รังแก

สำหรับนักแสดงคนที่โดดเด่นมากคงหนีไม่พ้น เซดี ซิงค์ สาวผมแดงจาก ‘Stranger Things’ ซีรีส์สุดฮิตของเน็ตฟลิกซ์ โดยซิงค์สามารถสื่อสารอารมณ์ผ่านดราม่าของเด็กสาวที่กำลังก้าวข้ามวัย ความอัดอั้นที่มีต่อพี่สาวรวมถึงการไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมตัวเองถูกส่งผ่านและถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการแสดงได้เป็นอย่างดี และต้องขอชมว่าในบรรดาหนังทั้ง 3 ภาค ภาพรวมการแสดงของ ‘1978’ คือดีที่สุดแล้ว

ที่น่าจับตามองมากคือ รีแอน ซิมป์กินส์ (Ryan Simpkins) ในบทอลิซเพื่อนของซินดีที่ถ่ายทอดความอัดอั้นที่อยู่เบื้องหลังความบ้าตัณหาของสาววัยรุ่นเชดีไซด์ของเธอออกมาได้ดีมากและสำหรับนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กันเลยจนเราสามารถร่วมลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวละครทุกตัวได้อย่างสนุกสนานและมันทำให้ภาพรวมของหนังดูมีพลังมากกว่าหนังภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด สำหรับ ‘Fear Street Part 2 : 1978’ ในภาพรวมแล้วขอให้ไว้ที่ 8 คะแนนและมันทำให้ภาพรวมของไตรภาคดีตามไปด้วย จะมีเพียงข้อติดขัดเล็กน้อยคือตัวหนังยังไม่กล้าผลักตัวเองให้ไปไกลกว่าหนังต้นฉบับที่เป็นแรงบันดาลใจจนน่าเสียดายโอกาสที่มันจะได้เป็นหนังสแลชเชอร์ที่ต่อยอดจนยอดเยี่ยมได้เหมือน ‘Cabin in the wood’

Fear Street Part 3 : 1666

สำหรับตัวหนังปิดไตรภาคใจความหลักของครึ่งเรื่องแรกคือการย้อนกลับไปเล่าที่มาของอาถรรพ์แม่มดซาราห์ เฟียร์ในลักษณะของการระลึกชาติและเอานักแสดงจากหนังทั้ง 2 ภาคแรกมารับบทต่าง ๆ แต่ที่ถือเป็นศูนย์กลางของเรื่องคือ ชาราห์ เฟียร์ ที่จะเป็นการให้ ดีนา(เคียนา มาเดียรา – Kiana Madiera)ได้ระลึกชาติและไปสัมผัสเรื่องราวรักต้องห้ามระหว่างเฟียร์ลูกสาวคนเลี้ยงหมูกับ ฮันนาห์ มิลเลอร์ (โอลิเวีย สก็อตต์ เวลช์ – Olivia Scott Welch)ลูกสาวของบาทหลวง แต่ความรักของทั้งคู่ก็กลายเป็นบาปเมื่อเกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นในชุมชนยูเนี่ยน (Union) เฟียร์และมิลเลอร์เลยตกเป็นจำเลยสังคมและต้องโทษประหารจากศาลเตี้ยจนเกิดบ่วงพยาบาทข้ามชาติมาถึง 300 ปี

ส่วนเรื่องราวในครึ่งหลังของหนังจะเป็นตอนต่อของหนังภาคแรกเมื่อมันตัดกลับมาเล่าเรื่องราวการเอาตัวรอดของดีนาที่เมื่อได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้นเธอจึงร่วมมือกับซิกกี (กิลเลียน เจคอบส์ – Gillian Jacobs) ผู้รอดชีวิตจากแคมป์ไนต์วิง จอช (เบนจามิน ฟลอเรส จูเนียร์ – Benjamin Flores Jr.) น้องชายสุดเนิร์ดเพื่อจัดการกับคำสาปของซาราห์ เฟียร์และช่วยแซม (โอลิเวีย สก็อตต์ เวลช์ – Olivia Scott Welch) จากการถูกสิงสู่

สำหรับครึ่งแรกของหนังต้องบอกว่าตัวหนังกล้ามากที่เอาธีมของการย้อนระลึกชาติแบบเอานักแสดงจากหนังภาคแรกและภาคสองมาปรากฎตัวเป็นตัวละครต่าง ๆ อย่าง เบนจามิน ฟลอเรส จูเนียร์ ก็มาเป็นน้องชายของซาราห์ เฟียร์ชื่อ เฮนรี จูเลีย เรห์วาล์ด ที่เคยเป็นเคตในภาคแรกก็มาแสดงเป็นลิซซีเพื่อนของเฟียร์ หรือกระทั่ง เซดี ซิงค์กับเอมิลี รัดด์ ก็กลับมาเป็นพี่น้องกันในชื่อคอนสแตนซ์กับอบิเกล ซึ่งมองในด้านดีก็คือมันเป็นการเชื่อมโยงหนัง 3 ภาคเข้ากันตามธีมเมืองแห่งฆาตกรได้เป็นอย่างดี

แต่กระนั้นพอหนังมาในทางระลึกชาติปุ๊บ ช่องโหว่ของเรื่องราวก็ปรากฎเด่นชัดขึ้นกว่าเก่าทั้งความเชื่อมโยงที่หนังเฉลยผู้ร้ายตัวจริงแม้จะเป็นไปตามฉบับนิยายแต่เพราะตัวหนังเลือกจะตัดบางองค์ประกอบออกไปเลยทำให้ความสมเหตุสมผลลดลงทันทีรวมถึงมันยังขัดแย้งกับเป้าหมายที่แท้จริงของผู้ร้ายที่จ้องจะเล่นงานตระกูลเฟียร์ของดีนา เพราะภาคที่ 2 ดันไปอาละวาดที่แคมป์ไนต์วิงแบบไม่มีเหตุผลซะงั้น

ในส่วนของการกลับมาปิดเรื่องราวของหนังในปี 1994 ก็ต้องบอกว่ามันได้กลายเป็น ‘Home Alone’ เวอร์ชันดักล่าผีฆาตกรไปเสียแล้ว และแม้ว่าจะเต็มไปด้วยฉากชวนตื่นเต้นแต่หนังก็ยังทำออกมาได้ไม่ระทึกใจและไม่สามารถดึงดูดสายตาผู้ชมได้มากพอ โดยดีนาและพรรคพวกยังคงดูมีแต้มต่อมากกว่าพวกผีฆาตกรจนเราไม่สามารถเอาใจช่วยเธอได้เลย

ถ้าเอาเฉพาะภาค ‘1666’ คงต้องบอกว่าเป็นหนังภาคที่ดูด้อยกว่าหนัง 2 ภาคแรกอย่างเห็นได้ชัดและการที่มันถูกแบ่งเล่า 2 ส่วนยังทำให้เกิดช่องโหว่อย่างเห็นได้ชัดจนคะแนนของภาคนี้ตกมาอยู่ที่ 6 คะแนนเพราะแทบจะไม่มีเรื่ีองราวส่วนไหนโดดเด่นเหมือนหนัง 2 ภาคก่อนหน้า

จุดเด่น

  • หนังทำได้สะใจขาโหดดีแท้
  • เต็มไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดี
  • มีฉากคารวะหนังสแลชเชอร์ระดับตำนานให้ได้สังเกตและเดากันว่ามาจากหนังเรื่องไหน

จุดสังเกต

  • ตัวละครในหนังทุกภาคยังดูไม่มีมิตินัก
  • บทภาพยนตร์เน้นใส่ฉากไล่ล่าจนละเลยโอกาสในการต่อยอดให้หนังตอบสนองกับความฉลาดของคนดูยุคนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
  • หากเทียบกับหนังสแลชเชอร์ระดับตำนานที่หนังอ้างอิงมายิ่งเห็นเลยว่าหนังด้อยกว่าอยู่หลายขุม fear street พากย์ไทย

บทความที่น่าสนใจ